ครั้งนั้นพระมหาอตุลเถระผู้อยู่ในมหาวิหารชื่อโกฏิบรรพต เที่ยวไปบิณฑบาตในบ้านนั้น ยืนอยู่ที่ประตูเรือนของนาง เห็นนางแล้วจึงกล่าวกับภิกษุทั้งหลายว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย นางลูกสุกรถึงความเป็นภรรยาของมหาอำมาตย์ชื่อลกุณฏกะอติมพระแล้ว โอ น่าอัศจรรย์จริง นางฟังคำนั้นแล้วเพิกภพในอดีตขึ้นได้กลับระลึกชาติได้ ในขณะนั้น นางได้มีความสังเวชสลดใจเกิดขึ้น อ้อนวอนสามีบวชในสำนักพระเถรีผู้ประกอบด้วยพละ 5 ด้วยอิสริยยสอย่างใหญ่ ได้ฟังกถาพรรณนามหาสติปัฏฐานสูตร ในติสสมหาวิหาร ได้สำเร็จโสดาปัตติผลฯ
ภายหลังเมื่อพระเจ้าทุฏฐคามณีทรงปราบทมิฬได้แล้ว พระนางสุมนาเถรี ไปสู่บ้านเภกกันตคาม ซึ่งเป็นที่อยู่ของมารดาบิดาอยู่ในบ้านนั้น ได้ฟังอาสีวิสูปมสูตรในกัลลกมหาวิหาร บรรลุพระอรหันต์แล้ว
ในวันปรินิพพาน นางอันพวกภิกษุณีซักถามแล้วได้เล่าประวัติทั้งหมดนี้อย่างละเอียดแก่ภิกษุณีสงฆ์ แล้วสนทนากับพระมหาติสสเถระ ผู้กล่าวบทแห่งธรรม ผู้มีปกติอยู่ในมณฑลาราม ณ ท่ามกลางภิกษุสงฆ์ผู้ประชุมกันแล้ว กล่าวว่า ในกาลก่อน ข้าพเจ้าตายจากมนุษย์แล้วเกิดเป็นแม่ไก่ ถูกเหยี่ยวตัดศีรษะในอัตตภาพนั้น ได้ไปเกิดในกรุงราชคฤห์แล้วออกบวชในสำนักของปริพาชิกาทั้งหลาย เจริญสมถกรรมฐาน ได้บรรลุปฐมฌาน ตายแล้วได้ไปเกิดในพรหมโลก จุติจากนั้นได้มาเกิดในตระกูลเศรษฐี ตายจากนั้นได้ไปเกิดเป็นสุกร ตายจากนั้นไปสู่สุวรรณภูมิ ตายจากนั้นไปเกิดเมืองพาราณสี ตายจากนั้นไปเกิดท่าสุปปารกะ ตายจากนั้นไปเกิดท่าคาวิระ ตายจากนั้นไปเกิดเมืองอนุราชบุรี ตายจากนั้นไปเกิดบ้านเภกกันตคาม ข้าพเจ้าได้เกิดถึง 13 อัตตภาพอันสูงๆ ต่ำๆ อย่างนี้ ด้วยประการฉะนี้ บัดนี้ ข้าพเจ้าได้เกิดในอัตตภาพอันอุกกษฎ์แล้ว "สพฺเพปิ อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ" ขอท่านทั้งหลายแม้ทั้งหมด จงยังธรรมที่เป็นกุศลทั้งหลายให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด ดังนี้ ได้ยังบริษัท 4 ให้สังเวชสลดใจ แล้วก็ปรินิพพาน
ตามตัวอย่างนี้ พอชี้ให้เห็นได้เด่นชัดแล้วว่า ผู้ที่เจริญสมถกรรมฐานจนได้ฌานแล้ว ยังกลับไปเกิดในอบายภูมิได้อีก ทั้งนี้ก็เป็นเพราะกิเลสยังมีอยู่ การเจริญสมถกรรมฐานจนได้ฌานนั้น เป็นเพียงข่มกิเลสไว้ชั่วคราวเท่านั้น ยังละกิเลสไม่ได้โดยเด็ดขาด จึงจำเป็นต้องกลับมาสู่อบายภูมิได้อีก ดังหลักฐานในวิภังคบาลีรับรองความข้อนี้ไว้ว่า
อุกฺขิตฺตา ปุญฺญเตเชน กามรูปคตึ คตา
ควคฺคมฺปิ จ สมฺปตฺตา ปุน คจฺฉนฺติ ทุคฺคตึ
ด้วยอำนาจแห่งบุญที่ตนได้กระทำไว้แล้ว สัตว์ทั้งหลายจึงได้ไปเกิดในพรหมโลก ถึงภวัคพรหมแล้วก็ยังกลับมาสู่ทุกคติได้อีก ดังนี้
เพราะฉะนั้น ขอสาธุชนทั้งหลาย จงอย่าพากันประมาทและนอนใจอยู่ เพียงแต่เดินทางสายที่ 4, 5, 6 ก็ยังไม่สามารถจะพาเราพ้นจากกิเลสแแลกองทุกข์ได้ ยังไม่พ้นไปจากอบายภูมิได้อย่างแน่นอน เผลอเมื่อใดพลาดเมื่อใด ประมาทเมื่อใด หมดบุญเมื่อใด เมื่อนั้น เราก็จะต้องย้อนกลับมาสู่อบายได้อีก ดังตัวอย่างที่ได้เล่าให้ฟังมาแล้วนั้นเป็นพยาน เรายังรู้สึกว่า มีประตูอบายคอยไว้ทุกเมื่อในเมื่อเราประมาทขาดสติ เพราะเราปิดประตูอบายยังไม่ได้ จงพากันรีบถ่อรีบพายตะวันจะสาย ตลาดจะวาย สายบัวจะเน่า ถ้าจะถ่อ จะพายก็จงรีบพากันแก้โซ่เสียแต่บัดนี้ ถ้าโซ่ไม่แก้ กุญแจไม่ไข เราก็พายเรือไปไม่ได้เป็นแน่ๆ จงพายไปเถิด ถ่อไปเถิด พายไปเถิด ถ่อไปซึ่งสำเภาทองลำนี้จนกว่าจะถึงพระนิพพาน จะได้มีความสุขสำราญอย่างยอดเยี่ยม....
------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น