หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

บท 6 ทางไปพรหมโลก (ต่อ)

          ฝ่ายนางลูกสุกรตัวนั้น   ตายจากชาตินั้นได้ไปเกิดในราชตระกูลในสุวรรณภูมิ   ตายจากนั้นเกิดในกรุงพาราณสี   ตายจากนั้นเกิดในเรือนพ่อค้าม้าที่ท่าสุปปารกะ   ตายจากนั้นเกิดในเรือนของนายเรือที่ท่าคาวิระ   ตายจากนั้นเกิดในเรือนของอิสรชนในเมืองอนุราชบุรี   ตายจากนั้นเกิดเป็นธิดาในเรือนของกุฎุมพีชื่อสุมนะในเภกกันตคาม  ในทิศทักษิณของเมืองนั้น  มีชื่อว่า  สุมนาตามชื่อของกุฏุุมพี    ต่อมาบิดาของนางได้พาย้ายไปสู่แคว้นทีฆวาปีอยู่ในบ้านชื่อมหามุนีคามฯ    อำมาตย์ของพระเจ้าทุฏฐคามณีนามว่า   ลกุณฎกะอติมพระไปที่บ้านนั้นด้วยกรณียกิจบางอย่าง   เห็นนางแล้วทำการมงคลอย่างใหญ่  ได้พานางไปสู่บ้านมหาปุณณคาม

          ครั้งนั้นพระมหาอตุลเถระผู้อยู่ในมหาวิหารชื่อโกฏิบรรพต   เที่ยวไปบิณฑบาตในบ้านนั้น  ยืนอยู่ที่ประตูเรือนของนาง   เห็นนางแล้วจึงกล่าวกับภิกษุทั้งหลายว่า   ผู้มีอายุทั้งหลาย    นางลูกสุกรถึงความเป็นภรรยาของมหาอำมาตย์ชื่อลกุณฏกะอติมพระแล้ว  โอ  น่าอัศจรรย์จริง    นางฟังคำนั้นแล้วเพิกภพในอดีตขึ้นได้กลับระลึกชาติได้    ในขณะนั้น  นางได้มีความสังเวชสลดใจเกิดขึ้น   อ้อนวอนสามีบวชในสำนักพระเถรีผู้ประกอบด้วยพละ 5    ด้วยอิสริยยสอย่างใหญ่   ได้ฟังกถาพรรณนามหาสติปัฏฐานสูตร   ในติสสมหาวิหาร   ได้สำเร็จโสดาปัตติผลฯ


          ภายหลังเมื่อพระเจ้าทุฏฐคามณีทรงปราบทมิฬได้แล้ว   พระนางสุมนาเถรี  ไปสู่บ้านเภกกันตคาม  ซึ่งเป็นที่อยู่ของมารดาบิดาอยู่ในบ้านนั้น   ได้ฟังอาสีวิสูปมสูตรในกัลลกมหาวิหาร   บรรลุพระอรหันต์แล้ว     

          ในวันปรินิพพาน   นางอันพวกภิกษุณีซักถามแล้วได้เล่าประวัติทั้งหมดนี้อย่างละเอียดแก่ภิกษุณีสงฆ์   แล้วสนทนากับพระมหาติสสเถระ  ผู้กล่าวบทแห่งธรรม   ผู้มีปกติอยู่ในมณฑลาราม ณ ท่ามกลางภิกษุสงฆ์ผู้ประชุมกันแล้ว  กล่าวว่า     ในกาลก่อน  ข้าพเจ้าตายจากมนุษย์แล้วเกิดเป็นแม่ไก่   ถูกเหยี่ยวตัดศีรษะในอัตตภาพนั้น   ได้ไปเกิดในกรุงราชคฤห์แล้วออกบวชในสำนักของปริพาชิกาทั้งหลาย   เจริญสมถกรรมฐาน   ได้บรรลุปฐมฌาน   ตายแล้วได้ไปเกิดในพรหมโลก  จุติจากนั้นได้มาเกิดในตระกูลเศรษฐี   ตายจากนั้นได้ไปเกิดเป็นสุกร   ตายจากนั้นไปสู่สุวรรณภูมิ   ตายจากนั้นไปเกิดเมืองพาราณสี   ตายจากนั้นไปเกิดท่าสุปปารกะ   ตายจากนั้นไปเกิดท่าคาวิระ   ตายจากนั้นไปเกิดเมืองอนุราชบุรี   ตายจากนั้นไปเกิดบ้านเภกกันตคาม   ข้าพเจ้าได้เกิดถึง 13  อัตตภาพอันสูงๆ ต่ำๆ  อย่างนี้   ด้วยประการฉะนี้       บัดนี้   ข้าพเจ้าได้เกิดในอัตตภาพอันอุกกษฎ์แล้ว  "สพฺเพปิ   อปฺปมาเทน   สมฺปาเทถ"   ขอท่านทั้งหลายแม้ทั้งหมด   จงยังธรรมที่เป็นกุศลทั้งหลายให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด  ดังนี้   ได้ยังบริษัท 4  ให้สังเวชสลดใจ   แล้วก็ปรินิพพาน

          ตามตัวอย่างนี้  พอชี้ให้เห็นได้เด่นชัดแล้วว่า   ผู้ที่เจริญสมถกรรมฐานจนได้ฌานแล้ว  ยังกลับไปเกิดในอบายภูมิได้อีก   ทั้งนี้ก็เป็นเพราะกิเลสยังมีอยู่   การเจริญสมถกรรมฐานจนได้ฌานนั้น   เป็นเพียงข่มกิเลสไว้ชั่วคราวเท่านั้น   ยังละกิเลสไม่ได้โดยเด็ดขาด   จึงจำเป็นต้องกลับมาสู่อบายภูมิได้อีก   ดังหลักฐานในวิภังคบาลีรับรองความข้อนี้ไว้ว่า

          อุกฺขิตฺตา   ปุญฺญเตเชน             กามรูปคตึ   คตา
          ควคฺคมฺปิ   จ   สมฺปตฺตา            ปุน   คจฺฉนฺติ   ทุคฺคตึ

          ด้วยอำนาจแห่งบุญที่ตนได้กระทำไว้แล้ว   สัตว์ทั้งหลายจึงได้ไปเกิดในพรหมโลก   ถึงภวัคพรหมแล้วก็ยังกลับมาสู่ทุกคติได้อีก   ดังนี้

          เพราะฉะนั้น   ขอสาธุชนทั้งหลาย   จงอย่าพากันประมาทและนอนใจอยู่   เพียงแต่เดินทางสายที่ 4, 5, 6  ก็ยังไม่สามารถจะพาเราพ้นจากกิเลสแแลกองทุกข์ได้    ยังไม่พ้นไปจากอบายภูมิได้อย่างแน่นอน   เผลอเมื่อใดพลาดเมื่อใด   ประมาทเมื่อใด  หมดบุญเมื่อใด   เมื่อนั้น   เราก็จะต้องย้อนกลับมาสู่อบายได้อีก    ดังตัวอย่างที่ได้เล่าให้ฟังมาแล้วนั้นเป็นพยาน    เรายังรู้สึกว่า   มีประตูอบายคอยไว้ทุกเมื่อในเมื่อเราประมาทขาดสติ   เพราะเราปิดประตูอบายยังไม่ได้   จงพากันรีบถ่อรีบพายตะวันจะสาย   ตลาดจะวาย   สายบัวจะเน่า  ถ้าจะถ่อ   จะพายก็จงรีบพากันแก้โซ่เสียแต่บัดนี้    ถ้าโซ่ไม่แก้   กุญแจไม่ไข   เราก็พายเรือไปไม่ได้เป็นแน่ๆ   จงพายไปเถิด   ถ่อไปเถิด  พายไปเถิด   ถ่อไปซึ่งสำเภาทองลำนี้จนกว่าจะถึงพระนิพพาน   จะได้มีความสุขสำราญอย่างยอดเยี่ยม....

------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น