หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555

บท 3 ทางไปสัตว์เดียรฉาน


          สัตว์เดียรฉาน   มีมากเช่น  ช้าง  ม้า  วัว  ควาย  หมู  หมา  เป็ด  ไก่  นก  หนู  กุ้ง  หอย  ปู  ปลา  เป็นต้น   โดยส่วนมาก  โมหะคือความหลงเป็นผู้นำไปเกิด   ดังมีหลักฐานปรากฎอยู่ในอัฏฐกถารับรองไว้ว่า
โมเหน   หิ   นิจฺจํ   สมฺมุฬฺหํ   ติรจฺฉานโยนึ   อุปปชฺชนฺติ
 จริงอยู่  สัตว์ทั้งหลายตายไปเกิดเป็นสัตว์เดียรฉาน  ซึ่งมีความลุ่มหลงอยู่เป็นนิจ  ก็เพราะโมหะเป็นตัวการนำไปดังนี้
ตัวอย่างในอดีต  เช่น  นายโกตุหลิกะ   เดินทางมาแต่ไกล  มีความลำบากและเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเป็นกำลังพร้อมทั้งหิวอาหารในการเดินทางไกลกันดารด้วย   ครั้นมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งในวันนั้นมีการทำขวัญแม่โคนมของนายโคบาล   ในเรือนของนายโคบาล  พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งมาฉันเป็นนิตย์   ในวันนั้นเมื่อนายโคบาลนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าฉันเสร็จแล้ว   จึงได้ทำการมงคลข้าวปายาสเขาจัดแจงไว้เป็นอันมาก    เมื่อนายโคบาลเห็นสองสามีภรรยานั้นมา  จึงทำความสงเคราะห์   โดยสั่งให้นำข้าวปายาสกับเนยใสเป็นอันมากไปให้
          ภรรยาจึงกล่าวกะสามีว่า  เมื่อพี่มีชีวิตอยู่   น้องก็ชื่อว่ามีชีวิตอยู่   พี่มีท้องพร่องมานานแล้ว  ขอพี่จงรับทานตามความต้องการเถิด    นางจึงวางข้าวปายาสไว้เบื้องหน้าของสามีพร้อมกับสัปปิ   ส่วนนางก็บริโภคสัปปิเหลวแต่น้อยหนึ่งเท่านั้น      ส่วนนายโกตุหลิกะบริโภคมากไปเพราะหิวมาตั้ง 7-8 วัน     นายโคบาลครั้นให้ข้าวปายาสแก่สองผัวเมียแล้ว   ตนเองจึงเริ่มจะบริโภค   นายโกตุหลิกะนั่งแลดูเขาอยู่   เห็นก้อนข้าวปายาสที่นายโคบาลปั้นให้แก่นางสุนัขตัวนั้นซึ่งนอนอยู่ใต้ตั่ง   จึงคิดว่า   นางสุนัขตัวนี้มีบุญ  จึงได้โภชนะ   เห็นปานนี้เนืองนิตย์   ตกกลางคืนนายโกตุหลิกะนั้นไม่สามารถจะยังข้าวปายาสให้ย่อยได้   จึงทำกาละคือตาย   แล้วได้ไปบังเกิดในท้องแห่งนางสุนัขตัวนั้น    เมื่อภรรยาเขาเผาศพสามีแล้ว  ก็ได้ทำการรับจ้างอยู่ในบ้านนั่นเอง   ได้ข้าวสารมาทะนานหนึ่ง   หุงใส่บาตรถวายปัจเจกพุทธเจ้าแล้วอุทิศส่วนบุญให้สามีว่า  "ภนฺเต   ทาสสฺส  โว  ปาปุณาติ"    ท่านเจ้าข้าขอกุศลผลบุญอันนี้จงถึงแก่ทาสของท่านเถิด   ดังนี้  นางคิดว่า  พระผู้เป็นเจ้ามาที่นี้เป็นประจำไทยธรรมของเราจะมีหรือไม่มีก็ช่างเถิด  เราไหว้ท่านอยู่  ทำความขวนขวายอยู่  ยังใจให้เลื่อมใสอยู่ทุกๆ วันจักได้บุญมาก  จึงได้ทำการรับจ้างอยู่ในบ้านนั้นเอง

เรื่องสุนัขใจบุญ  สร้างมหากุศล  ตายได้ไปเกิดในสวรรค์
          ภายใน 6-7 เดือน  นางสุนัขตัวนั้นก็คลอดลูกออกมาตัวหนึ่ง   นายโคบาลได้ให้น้ำนมของแม่โคนมตัวหนึ่งแก่ลูกสุนัขนั้น   ไม่นานเท่าไรนักลูกสุนัขตัวนั้นก็เติบใหญ่   เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้ามาฉันท่านก็ให้ก้อนข้าวแก่ลูกสุนัขตัวนั้นทุกๆ วัน  เพราะได้อาศัยก้อนข้าวของท่าน   ลูกสุนัขตัวนั้นจึงไม่มีความรักใคร่ในท่านมาก   เมื่อนายโคบาลไปสู่ที่บำรุงของพระปัจเจกพุทธเจ้าวันละ 2 เวลา  ก็ได้พาสุนัขตัวนั้นไปด้วยทุกครั้ง   เวลาเดินทางผ่านป่าก็เอาไม้ตีที่พุ่มไม้และพื้นดินในที่ซึ่งมีเนื้อร้ายในระหว่างทางส่งเสียงว่า  " สุ  สุ  สุ"  3 ครั้ง   เพื่อยังเนื้อร้ายให้หนีไป   วันหนึ่่งนายโคบาลได้กล่าวกะพระปัจเจกพุทธเจ้าว่า   "พระคุณเจ้าผู้เจริญ  ถ้าเมื่อใดผมไม่มีเวลาว่าง  เมื่อนั้นผมจะส่งสุนัขตัวนี้มา"   วันไหนไม่มีเวลาว่าง   เขาก็ส่งสุนัขตัวนั้นไปว่า  "พ่อจงไป  จำงำพระผู้เป็นเจ้ามา"   ด้วยคำเพียงเท่านี้  สุนัขนั้นก็วิ่งไปถึงที่ซึ่งนายตีพุ่มไม้และพื้นดิน   ก็เห่าขึ้น 3 ครั้ง   แล้วก็ไปจนถึงที่อยู่ของพระปัจเจกพุทธเจ้า   เข้าไปยังบรรณศาลานั่งอยู่แล้วถึงประตูบรรณศาลาจึงเห่าขึ้น 3 ครั้ง   เพื่อให้ท่านรู้ว่าตนมาแล้ว    จึงได้นอนหมอบอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง    เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าได้ออกเดินทางไป   สุนัขก็เดินเห่าไปข้างหน้าๆ  เมื่อจะทดลองสุนัข   ท่านจึงทำทีเป็นหลงทางเดินไปทางอื่นเสีย    สุนัขจึงรีบไปยืนเห่าขวางหน้าของท่านไว้    แล้วนำท่านกลับมาทางเดิมอีก    
          ต่อมาวันหนึ่งท่านเดินไปสู่ทางอื่นถึงแม้สุนัขนั้นจะไปยืนขวางอยู่ข้างหน้าก็ไม่กลับ   เอาเท้ากระตุ้นสุนัขแล้วก็เดินไป   สุนัขรู้ว่าท่านจะไม่กลับจึงรีบไปคาบชาย้านุ่งฉุดมา   นำท่านมาสู่ท่างที่ตนประสงค์อีก    สุนัขนั้นได้ยังความรักอันมีกำลังให้เกิดขึ้นแล้วในพระปัจเจกพุทธเจ้านั้น   ด้วยประการอย่างนี้    
          ต่อมาจีวรของท่านเก่าแล้ว   นายโคบาลจึงได้ถวายผ้าสำหรับทำจีวรแก่ท่าน    ท่านจึงได้อำลาโยมไปสู่สถานที่สบายแล้วจักทำจีวร    สุนัขได้ยืนฟังคำของคนทั้ง 2 นั้นอยู่เหมือนกัน   ท่านได้เหาะขึ้นสู่เวหาส   บ่ายหน้าต่อเขาคันธมาทน์    สุนัขแลดูท่านผู้กำลังเหาะไปทางอากาศยืนเห่าหอนอยู่    เมื่อท่านลับสายตาไปหหัยก็แตกทำลายลง    คือตายอยู่ ณ ที่นั่นเอง  
          สุนัขสร้างมหากุศลได้ไปกิดเป็นโฆสกเทพบุตร   ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้เสวยสมบัติใหญ่   ก็เพราะเป็นสัตว์มีความเห็นตรงและไม่คดโกง    ด้วยประการฉะนี้

          ชื่อว่าสัตว์ดิรัจฉานทั้งหลายนั้น   เป็นสัตว์ที่มีชาติซื้่อตรง  ไม่คดโกง  ส่วนมนุษย์นั้น   ใจคิดไปอย่างปากพูดไปอย่าง   ไม่ตรงกัน   เพราะเหตุนั้นแล   นายเปสสะ   ผู้เป็นบุตรของนายควาญช้างจึงได้กล่าวไว้   ซึ่งปรากฎอยู่ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 13 หน้าที่ 4 ว่า
คหณญฺหตํ   ภนฺเต   อทิทํ   มนุสฺสา   อุตฺตานกญฺเหตํ   ภนฺเต   ยทิทํ   ปสโว
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  แท้จริง  ขันธบัญจกคือมนุษย์นี้  รกชัฎฯ  ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  แท้จริง  ขันธบัญจก  คือสัตว์ของเลี้ยงนี้ตื้น   ดังนี้
          ท่านสาธุชนผู้ใจบุญทั้งหลายถ้าเราไปตกนรกก็ดี   ไปเกิดเป็นเปรตและอสุรกายก็ดี   ไปเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานก็ดี     เราไม่มีโอกาสที่จะสร้างความดีเช่นกับมนุษย์   จะรักษาศึลจะไปถวายทานจะไปไหว้พระสวดมนต์   จะไปเจริญสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานก็ไม่ได้เป็น   เพราะกรรมหนัก   กรรมมีกำลังแรงปิดบังไว้   จึงเป็นเหตุให้สรรพสัตว์พากันวนเวียนอยู่ในห่วงกิเลสและกองทุกข์อย่างน่าสะพรึงกลัวมาก    เพราะฉะนั้นขอมวลพุทธบริษัทจงพากันทำบุญให้มากๆ เถิดในเมื่อเรามีโอกาส    จะได้ไม่พลาดท่าเสียทีไปเกิดในทุคติ    เราจะได้เป็นผู้มีโชคดีไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์    อันปราศจากทุกข์ภัยต่างๆ    เริ่มตั้งต้นชีวิตตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเถิด   เพราะยังไม่สาย   ยังจะมีโอกาสปิดประตูอบายได้อยู่   จะไม่ได้เกิดเสียใจในภายหลัง   และจะไม่ได้ถึงบางอ้อ    เพราะไม่กี่ปีเราก็จะพากันกลับบ้านเก่าอยู่    และขณะนี้บางคนก็เป็นดุจต้นไม้ใกล้ฝั่งอยู่แล้ว   รอคอยความตายอยู่ทุกคืนวัน   รีบถ่อรีบพายเถิด  ตะวันจะสาย  ตลาดจะวาย  สายบัวจะเน่า     สมเด็จพ่อก็ได้ทรงแนะนำพร่ำสอนไว้แล้วซึ่งปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก   เล่มที่ 25 หน้าที่ 389 ว่า

                    อุฏฐหถ  นิสีทถ                         โก   อตฺโถ   สุปิเตน   โว
                    อตฺรานํ   หิ   กา  นิทฺทา              สลฺลวิทฺธานรุปฺปตํ
                    อุฏฺฐหถ   นิสีทถ                        ทฬฺหํ   สิกฺขถ   สนฺติยา 
เชิญท่านทั้งหลายลุกขึ้นเถิด   เชิญท่านทั้งหลายนั่งเถิด   ท่านจะมัวนอนฝันเอาประโยชน์อะไร   ในเมื่อชาวโลกทั้งหลายกำลังถูกลูกศร  คือความยากจนชั่วร้ายเสียบแทงป่นปี้อยู่ฉะนี้    เชิญท่านทั้งหลายลุกขึ้นเถิด    ท่านจะมัวนอนหลับทับสิทธิ์อยู่ทำไมเล่า   ท่านทั้งหลายจงรีบลงมือศึกษาปฏิบัติเพื่อสันติสุขเสียเดี๋ยวนี้เถิด   ดังนี้
พระเทพสิทธิมุนี     22 .01.2524 
-------------------------------------------------------- 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น