- ทำกิเลส คือ โลภะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ เป็นต้น ให้เบาบางลง
 - ทำให้เป็นคนมีใจสุขุมเยือกเย็น
 - ทำให้เป็นคนมีสติรอบคอบ ดุจรถที่มีเครื่องห้ามล้อดีฉะนั้น
 - ทำให้สมาธิดี ทำให้ความจำดีขึ้น ทำให้เรียนหนังสือเก่ง เป็นประโยชน์แก่รักเรียน นักศึกษามาก
 - ทำให้โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ หายไป เช่น โรคประสาท โรคอัมพาต โรคกระเพาะ โรคปวดศรีษะ เป็นต้น
 
หน้าเว็บ
▼
วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555
อานิสงส์หรือผลที่จะได้รับจากการเจริญวิปัสสนา (ต่อ)
อานิสงส์หรือผลที่จะได้รับจากการเจริญวิปัสสนา
          ท่านกล่าวไว้ในบาลีว่า  "อเนกสหสฺสา"  แปลว่าการเจริญวิปัสสนานั้น  มีประโยชน์  มีอานิสงส์หลายร้อยหลายพัน  จนไม่สามารถจะนับประมาณได้   ดังนั้นในที่นี้จะขอยกมาพอเป็นตัวอย่างแต่เล็กน้อย  พอเหมาะพอควรแก่กาลเวลา  คือจะยกมาเพียงส่วนน้อยๆ เท่าที่สามารถจะนำมาได้เท่านั้น  คือ
วิธีปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน...วันต่อๆ ไป (ต่อ)
          เมื่อญาณที่  5-6  เกิดขึ้นแล้ว  ให้เพิ่มบทเรียนได้อีก 1 บท  คือ  เพิ่มเดินระยะที่ 4  ดังนี้   ยกส้นหนอ  ยกหนอ  ย่างหนอ  เหยียบหนอ
วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555
วิธีปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน...วันสอง
วันที่่สอง
เมื่่อพระอาจารย์สอบกรรมฐานแล้ว ให้เพิ่มบทเรียน 1 บท คือ กำหนดต้นใจ หมายความว่า เมื่อพระอาจารย์ได้สอบอารมณ์โดยละเอียด นับแต่การเดิน การนั่ง เวทนา จิต และการนอน แล้วถามสภาวะต่อไป เช่น ถามว่าพองกับยุบอันไหนสั้น อันไหนยาว อันไหนปรากฎชัด อันไหนไม่ปรากฎชัด เป็นอันเดียวกันหรือเป็นคนละอัน พองหนอครั้งหนี่งมีกี่ระยะ เป็นต้น เมื่อสอบเสร็จแล้วจึงเพิ่มบทเรียนได้วิธีปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน...วันแรก
วันแรก ให้กรรมฐานไปปฏิบัติ 6 คือ
1. เดินจงกรมให้ยืนตัวตรง เอามือขวาไขว้ทับมือซ้ายก็ได้ วางไว้ตรงๆ ก็ได้ ไขว้หลังก็ได้ตามแต่ถนัด ส่วนมากเอาไว้ข้างหน้า ทอดสายตาไปประมาณ 4-5 ศอก ให้ลืมตา อย่าหลับตา ให้สติจับอยู่ที่ร่างกาย ภาวนาว่า ยืนหนอๆ 3 หน ต่อนั้นไปให้สติจับอยู่ที่สันเท้า เดินช้าๆ ภาวนาอยู่ในใจว่า "ขวา ย่าง หนอ" ขณะที่ใจนึกว่า ขวา ต้องยกส้นเท้าข้างขวาขึ้นให้พร้อมกัน เท้าที่ยกกับใจที่นึกต้องให้ตรงกัน ขณะว่า ย่าง ต้องเคลื่อนเท้าไปอย่างช้าๆ ลากเสียงยาวๆ แล้วหยุดนิดหนึ่งขณะว่า หนอ เท้าต้องลงถึงพื้นพร้อมกัน เวลายกเท้าซ้ายก็เหมือนกันภาวนาในใจว่า "ซ้าย ย่าง หนอ" เช่นเดียวกัน
บท 6 ทางไปพรหมโลก (ต่อ)
          ฝ่ายนางลูกสุกรตัวนั้น   ตายจากชาตินั้นได้ไปเกิดในราชตระกูลในสุวรรณภูมิ   ตายจากนั้นเกิดในกรุงพาราณสี   ตายจากนั้นเกิดในเรือนพ่อค้าม้าที่ท่าสุปปารกะ   ตายจากนั้นเกิดในเรือนของนายเรือที่ท่าคาวิระ   ตายจากนั้นเกิดในเรือนของอิสรชนในเมืองอนุราชบุรี   ตายจากนั้นเกิดเป็นธิดาในเรือนของกุฎุมพีชื่อสุมนะในเภกกันตคาม  ในทิศทักษิณของเมืองนั้น  มีชื่อว่า  สุมนาตามชื่อของกุฏุุมพี    ต่อมาบิดาของนางได้พาย้ายไปสู่แคว้นทีฆวาปีอยู่ในบ้านชื่อมหามุนีคามฯ    อำมาตย์ของพระเจ้าทุฏฐคามณีนามว่า   ลกุณฎกะอติมพระไปที่บ้านนั้นด้วยกรณียกิจบางอย่าง   เห็นนางแล้วทำการมงคลอย่างใหญ่  ได้พานางไปสู่บ้านมหาปุณณคาม
บท 6 ทางไปพรหมโลก
          ทางไปพรหมโลก  ได้แก่สมถกรรมฐาน  มีอารมณ์ 40  แบ่งออกเป็น 7 หมวด  คือ  กสิณ 10   อนุสสติ 10   พรหมวิหาร 4   อาหาเรปฏิกูลสัญญา 1   จตุธาตุววัตถาน 1     ซึ่งมีความพิศดารได้เขียนไว้อีกเล่มหนึ่งต่างหาก    โดยใช้ชื่อว่า  "จิตตภาวนา"  หรือ  "ธรรมปฏิบัติ"   และอีกเล่มหนึ่งได้เขียนเป็นทำนองปุจฉาวิสัชนา  ให้ชื่อว่า  "คำถาม-คำตอบ  เรื่องวิปัสสนากรรมฐาน"  ดังนั้น   ในเล่มนี้จะขอยกไว้ไม่นำมาแสดงไว้ในที่นี้อีก   ท่านผู้ประสงค์จะทราบก็โปรดติดตามหาดูได้ในหนังสือดังที่กล่าวมาแล้วนั้น
วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555
บท 5 ทางไปสวรรค์ (ต่อ)
มหากุศลมี 8 ประการ
- โสมนสฺสสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ เวลาทำบุญมีความดีใจ ปรารถนานิพพาน ทำบุญเอง
 - โสมนสฺสสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกํ เวลาทำบุญมีความดีใจ ปรารถนานิพพาน มีผู้ชักชวนจึงทำบุญ
 
บท 5 ทางไปสวรรค์
          คำว่า "สวรรค์"  นี้  ตามรูปศัพท์ภาษาบาลี  แปลว่า  เลิศด้วยดีก็ได้   แปลว่า  มีอารมณ์ดีงามก็ได้   และแปลว่า  เป็นที่ข้องอยู่ติดอยู่แห่งสัตว์ทั้งหลายก็ได้
วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555
บท 4 ทางไปมนุษย์
          มนุษย์   ตามความหมายทางภาษาบาลีมีได้หลายนัย  เช่น  ผู้มีใจสูง,  ผู้รู้สิ่งที่เป็นประโยชน์และสิ่งทีไม่เป็นประโยชน์,  ผู้เป็นเหล่ากอของผู้รู้,  ผู้ที่จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์   ก็เพราะได้อาศัยธรรมของมนุษย์  ได้แก่ศึล 5   และกุศลกรรมบถ 10    เป็นคุณธรรมที่จะเสกสรรปั้นปรุงให้เป็นคน    ถ้าใครขาดธรรมทั้ง 2 หมวดนี้   ก็จัดว่าเป็นคนไม่เต็มคน   เหตุดังนี้นท่านจึงแบ่งมนุษย์ออกเป็น 5 จำพวกคือ
บท 3 ทางไปสัตว์เดียรฉาน
บท 2 ทางไปเปรตและอสุรกาย
ทาง 7 สาย...บท 1 ทางไปนรก
          บทความแรกที่ตั้งใจนำเสนอนี้มุ่งหมายให้เห็นภัยการเวียนเกิดเวียนตายในสังสารวัฏนี้  อันนำไปสู่ความสลดสังเวช  ความเบื่อหน่าย และความปรารถนาทางสงบแห่งที่สุด  คือ หยุดเกิดหยุดตาย    ถือเป็นสัมมาทิฐิ (ความเห็นชอบ) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่จะศึกษาปฏิบัติธรรมแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสืบเนื่องยิ่งๆ ขึ้นไป
คำว่า "ทาง" แปลว่า ทำให้เตียน ทำให้สะอาด ถ้าเป็นชื่อของธรรมะ แปลว่า ธรรมะเป็นเครื่องดำเนินไปสู่พระนิพพาน ธรรมะอันบุคคลผู้ต้องการพระนิพพานพึงแสวงหา และแปลว่า ธรรมะที่ฆ่ากิเลสไปก็ได้








