หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555

ทาง 7 สาย...บท 1 ทางไปนรก

          บทความแรกที่ตั้งใจนำเสนอนี้มุ่งหมายให้เห็นภัยการเวียนเกิดเวียนตายในสังสารวัฏนี้  อันนำไปสู่ความสลดสังเวช  ความเบื่อหน่าย และความปรารถนาทางสงบแห่งที่สุด  คือ หยุดเกิดหยุดตาย    ถือเป็นสัมมาทิฐิ (ความเห็นชอบ) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่จะศึกษาปฏิบัติธรรมแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสืบเนื่องยิ่งๆ ขึ้นไป


คำว่า "ทาง" แปลว่า ทำให้เตียน ทำให้สะอาด  ถ้าเป็นชื่อของธรรมะ  แปลว่า  ธรรมะเป็นเครื่องดำเนินไปสู่พระนิพพาน  ธรรมะอันบุคคลผู้ต้องการพระนิพพานพึงแสวงหา  และแปลว่า  ธรรมะที่ฆ่ากิเลสไปก็ได้
ทางนั้น  จำแนกอออกเป็น 2 คือ
  1. ปกติมคฺโค:  ทางปกติ  ได้แก่  ทางบก  ทางน้ำ  ทางอากาศ  เป็นต้น  สำหรับคนและสัตว์เดิน
  2. ปฏิปทามคฺโค:  ทางปฏิบัติ  ได้แก่บุญบาปที่คนทำ  สำหรับ  กาย  วาจา  ใจ  เดิน

ทางปฏิบัตินั้น  จำแนกเป็น 7 สาย  คือ

  1. ทางไปนรก                                  ได้แก่   โทสะ
  2. ทางไปเปรตและอสุรกาย              ได้แก่   โลภะ
  3. ทางไปสัตว์เดียรฉาน                    ได้แก่   โมหะ
  4. ทางไปมนุษย์                               ได้แก่   ศีล 5  และกุศลกรรบถ 10
  5. ทางไปสวรรค์                               ได้แก่   มหากุศล 8
  6. ทางไปพรหมโลก                         ได้แก่   สมถกรรมฐาน
  7. ทางไปนิพพาน                             ได้แก่   วิปัสสนากรรมฐาน

บท 1  ทางไปนรก

          นรก  แปลว่า  ประเทศที่ปราศจากความสุข  มีแต่ความทุกข์  มีอยู่ 457 ขุม  ขุมใหญ่มี 9 ขุม  นับตั้งแต่สัญชีวนรก  กาฬสุตตนรก  เป็นต้น  ไปจนถึงโลกันตนรก  ถัดนรกใหญ่แต่ละขุมออกไปในทิศทั้ง 4  แต่ละทิศมีอุสสสุทนรกทิศละ 4 ขุม  รวมเป็น 218 ขุม  ถัดอุสสุทนรกออกไปอีก   มียมโลกิยนรกอยู่ทิศละ 10 ขุม  รวมเป็น 320 ขุม   ส่วนขุมที่ลึกที่สุด ชื่อว่า  โลกันตนรก  อยู่ที่สุดของโลก  รวมทั้งสิ้นเป็น 457 ขุม   ตั้งเรียงกันอยู่ใต้พื้นดิน  ซึ่งหนาได้  240,000  โยชน์

          เหตุที่นำไปตกนรก    โดยส่วนมาก  ได้แก่  โทสะ  ดังมีหลักฐานรับรองไว้ว่า
โทเสน   หิ   จณฺฑขชาติตาย   โทสสทิสํ   นิรยํ   อุปปชฺชนุติ
ขอรับรองว่าเป็นจริงอย่างนั้น  เพราะโทสะเป็นเหตุ  สัตว์ทั้งหลายจึงไปตกนรก  ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกันกับโทสะ  เพราะโทสะมีชาติหยาบคาย 

ผู้พิสูจน์นรก - สวรรค์ได้

          ผู้ที่จะพิสูจน์นรกวรรค์ได้นั้น  ต้องมีเครื่องมือคือ  ปัญญา  ปัญญานั้นมีอยู่ 3 ประการ  คือ  สุตยมปัญญา 1    จินตามยปัญญา 1   ภาวนามยปัญญา 1
  1. สุตยมปัญญา     ปัญญาเกิดจาการฟัง  การศึกษาเล่าเรียน  การท่องจำ  การอ่านตำรับตำราโดยทั่วๆ ไป   ปัญญาขั้นนี้พิสูจน์นรกสวรรค์ไม่ได้
  2. จินตามยปัญญา     ปัญญาเกิดจาการคิด  เช่น  คิดทำรถยนต์  รถไฟ  เครื่องบิน  อาวุธยุทธภัณฑ์    อพอลโล่  จรวด  เป็นต้น     ปัญญาขั้นนี้ก็พิสูจน์นรกสวรรค์ไม่ได้            ปัญญา 2 ขั้นนี้  เป็นปัญญาหาข้าวกิน  หาเงินหาทอง  หาข้าวหาของ  เพื่อมาบำบัดทุกข์บำรุงสุขของตัวและครอบครัว   ประเทศชาติ   เป็นเหมือนดาบ 2 คม   ถ้าใช้ถูกก็ให้คุณ   ถ้าใช้ผิดก็ให้โทษมาก  เช่น  ระเบิด  ปรมาณู เพียงลูกเดียว   สามารถจะทำให้คนตายเป็นจำนวน 6-7 หมื่น  เรียกว่า  มีคุณอนันต์  มีโทษมหันต์
  3. ภาวนามยปัญญา     ปัญญาเกิดจากการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน  มีอยู่ 16 ขั้น  ขั้นที่ 14 คือ  มรรคญาณ   ต้องปฏิบัติถึงขั้นนี้  จึงจะสามารถพิสูจน์นรกสวรรค์ได้   เพราะกิเลสคือตัวมิจฉาทิฏฐิ 4 ตัว   ซึ่่งเรียกว่า  ทิฏฐิคตสัมปยุตตจิต 4   ขาดไปอย่างไม่มีวันจะกลับฟื้นคืนมาได้อีก  คือเป็น  สมุจเฉทปหาน   ละได้โดยเด็ดขาด  กับ  วิจิกิจฉา   ตัวที่พาให้สงสัยลังเลใจว่า  นรกมีจริงไหม  สวรรค์มีจริงไหม   ก็ได้ขาดไปพร้อมกันเมื่อกิเลสทั้ง 5 ตัวนี้ขาดไปจากขันธสันดานแล้วจึงจะพิสูจน์ได้   และจึงจะหายสงสัย   ดังมีหลักฐานปรากฎอยู่ในพระไตรปิฎกเล่มที่  25  หน้าที่ 21   พระพุทธองค์ได้ทรงตั้งปัญหาถามเองและตอบเองว่า
โก   อิมํ   ปฐวึ   วิเจสฺสติ   ยมโลกญฺจ   อิมํ  สเทวกํ     ดังนี้เป็นต้น
ใจความว่า   "ใครจะพิสูจน์แผ่นดินคืออัตภาพนี้ได้   ใครจะพิสูจน์ยมโลกคืออบายภูมิทั้ง 4 ได้   และใครจะพิสูจน์มนุสสโลกนี้   พร้อมทั้งเทวโลกได้"   ดังนี้   พระพุทธองค์ได้ทรงตอบเองว่า
เสโข   ปฐวึ   วิเจสฺสติ   ยมโลกญฺจ   อิมํ   สเทวกํ    ดังนี้เป็นต้น
ความว่า   "พระเสขบุคคล 7 จำพวก   นับตั้งแต่พระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติมรรค  เป็นต้นไป   จึงจะพิสูจน์อบายภูมิ 4 มีนรก  เป็นต้นได้"   ดังนี้   พระอรรถกถาจารย์ผู้รู้พุทธาธิบายได้แก้ไว้ว่า
โสตาปตฺติมคฺคฏฺฐํ   อาทึ   กตฺวา  ยาว   อรหตฺตมฺคฏฐา   สตฺตวิโธ   เสโข
พระเสขบุคคล 7 จำพวก  นับตั้งแต่พระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติมรรค  เป็นต้นไป  จนกระทั้งถึงพระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในอรหัตตมรรคเป็นที่สุด   จึงจะสามารถพิสูจน์  อบายภูมิ  มนุสสภูมิ   และเทวภูมิได้ 
          คำว่า  โสดาปัตติมรรค  ก็ได้แก่  มรรคญาณ  คือ  ญาณที่  14 นั่นเอง   เมื่อนักปฏิบัติธรรมได้เจริญวิปัสสนากรรมฐาน  ผ่านญาณที่ 1  มาโดยลำดับๆ  จนกระทั้งถึงญาณที่ 14 นี้   จึงจะมีความสามารถคือมีปัญญาพิสูจน์นรกสวรรค์  มรรคผลนิพพานได้   โดยจะไม่มีความสงสัยแม้แต่น้อย

พระเทพสิทธิมุนี     22 .01.2524
------------------------------------------------------------ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น